8 เทคนิค ที่ทำให้เสื้อหอมกว่าเดิม

หนึ่งในเรื่องสำคัญของใครหลาย ๆ คน คือ การมีเสื้อผ้าที่หอมติดทนนาน โดยเฉพาะคนทำงานที่จะต้องออกจากบ้านไปเผชิญมลภาวะต่าง ๆ ภายนอก กว่าจะถึงที่ทำงานอาจจะทำให้มีกลิ่นอื่นติดตัวมาด้วย ดังนั้น tfbworkwear จึงขอแนะนำ 8 เทคนิค ที่ทำให้เสื้อหอมกว่าเดิม ไม่ส่งกลิ่นอับ และยังช่วยทำให้คุณรู้สึกมั่นใจก่อนออกจากบ้านในทุก ๆ วันมากขึ้น

1. แช่น้ำร้อนก่อนซักจริง

การซักผ้าด้วยน้ำร้อนเป็นรอบแรก ก่อนการซักด้วยผงซักฟอก จะเป็นวิธีซักผ้าให้หอมและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการฆ่าเชื้อโรคและแบคทีเรียที่เป็นจุดกำเนิดกลิ่นอับและกลิ่นไม่ดีต่าง ๆ ที่ติดอยู่ภายในเนื้อผ้า ทั้งยังช่วยขจัดคราบสกปรกต่าง ๆ ได้ดีกว่าการใช้น้ำในอุณหภูมิปกติ ดังนั้นก่อนซักผ้าถ้าคุณต้องการให้ผ้าตัวใดมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ ไม่มีกลิ่นอับกวนใจ ให้นำมาแช่น้ำร้อนประมาณ 1 ชั่วโมง รวมไปถึงผ้าสีที่เริ่มหมองสามารถใช้การซักด้วยน้ำร้อนก่อนซักจริงได้เช่นกัน จะช่วยทำให้สีสดใสมากขึ้น จากนั้นให้นำมาซักด้วยผงซักฟอกตามปกติและปิดท้ายด้วยน้ำยาปรับผ้านุ่ม จะทำให้กลิ่นหอมติดทนนานกว่าเดิม พร้อมทำให้เกิดความสะอาดปราศจากเชื้อโรคติดเนื้อผ้าได้เป็นอย่างดี

2. ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้น

เลือกใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มที่เน้นเป็นสูตรเข้มข้น ใช้เทคโนโลยีนาโนในการนำกลิ่นน้ำหอมติดเสื้อผ้าได้ทนนานกว่าเดิม หรือเทคโนโลยีที่ยิ่งมีการเสียดสีของเนื้อผ้ามากเท่าไหร่ จะยิ่งส่งกลิ่นหอมออกมามากเท่านั้น จะเป็นอีกหนึ่งวิธีซักผ้าให้หอมที่ผู้หญิงถูกใจเป็นอย่างมาก ปัจจุบันจึงมีการพัฒนาสูตรน้ำยาปรับผ้านุ่มแบบเข้มข้นออกขายแทบทุกแบรนด์และมีหลายกลิ่น ซึ่งถ้าคุณชื่นชอบกลิ่นใดเป็นพิเศษ สามารถเลือกซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป โดยจะมีตั้งแต่กลิ่นหอมธรรมชาติจากดอกไม้, กลิ่นหอมสดชื่นเหมือนซักใหม่ตลอดเวลา, กลิ่นหอมเบาสบายแบบกลิ่นแป้งเด็ก และกลิ่นน้ำหอมราคาแพง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาสูตรน้ำยาที่ให้กลิ่นหอม แต่ไม่สร้างปัญหาอาการแพ้ใด ๆ เพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้งานของผู้ที่เป็นภูมิแพ้อากาศอีกด้วย

3.ใช้สเปรย์ฉีดผ้าแบบกลิ่นหอม

ปัจจุบันมีการพัฒนาสเปรย์ฉีดผ้าหอมที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน ให้คงกลิ่นไว้ได้ตลอดทั้งวัน ได้รับความนิยมในกลุ่มของร้านซักรีด เพราะจะทำให้เสื้อผ้าของลูกค้าหอมดูแพง ตลอดเวลา ดังนั้นคุณจึงสามารถเลือกซื้อสเปรย์แบบฉีดผ้าหอมหลังการซักหรือการอบผ้าทุกครั้ง ที่จะเป็นวิธีซักผ้าให้หอมและช่วยทำให้กลิ่นติดหอมยาวนานมากขึ้น

4.ใช้เครื่องอบผ้า

การใช้เครื่องอบผ้าจะเป็นวิธีซักผ้าให้หอม ช่วยทำให้ผ้าที่ซักเสร็จใหม่แห้งเร็วมากขึ้น จึงการันตีได้ว่าไม่ก่อให้เกิดกลิ่นอับอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือการพัฒนาเทคโนโลยีของเครื่องอบผ้าแห้ง ให้สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 99% ซึ่งเชื้อแบคทีเรียนี้เองที่ก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ กับเสื้อผ้า ทั้งยังมีฝุ่นละอองและเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อาจยังเกาะผ้าอยู่ โดยที่ผู้สวมใส่ไม่รู้ตัว

5.ซักผ้าในปริมาณที่เหมาะสม

การใส่เสื้อผ้าจำนวนมากลงเครื่องซักผ้า ไม่ใช่วิธีซักผ้าให้หอมที่ถูกต้อง เพราะนอกจากจะทำให้การซักไม่ทั่วถึง คราบสกปรกออกไม่หมดแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดปัญหากลิ่นอับและกลิ่นเหม็นต่าง ๆ ที่ติดเสื้อผ้าได้ง่ายมากขึ้น เพราะการปั่นผ้า ที่หนาแน่นอยู่ภายในเครื่อง จะไม่สามารถกระจายทั้งผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มออกไปได้อย่างทั่วถึง เพราะจะกระจุกอยู่เพียงแค่จุดใดจุดหนึ่งเท่านั้น จึงก่อให้เกิดปัญหากลิ่นเหม็นอับหรือสีของเสื้อผ้าที่หมองคล้ำลงได้ ดังนั้นจึงควรซักผ้าในปริมาณที่เหมาะสมที่สุด เช่น 8-12 ตัวต่อการซัก 1 ครั้ง เพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพของการกำจัดเชื้อโรคบนเสื้อผ้าและการกระจายกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้น ไปทั่วทั้งบริเวณถังซักได้มากที่สุด

6.แยกเสื้อ-กางเกงก่อนซัก

การแยกผ้าก่อนซัก จะช่วยทำให้ลดกลิ่นและความสกปรกได้มากเช่นเดียวกัน โดยคุณควรแยกระหว่างเสื้อ, กระโปรง, กางเกง และชุดชั้นใน เพื่อทำให้วิธีซักผ้าให้หอมเป็นไปอย่างถูกต้อง เนื่องมาจากเสื้อผ้าแต่ละส่วนจะมีความสกปรกที่แตกต่างกัน ดังเช่นกางเกงและถุงเท้าที่จะเป็นจุดถูกฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ เกาะได้มากที่สุด ทั้งยังมีกลิ่นไม่น่าพึงประสงค์ติดมาด้วย ดังนั้นถ้านำไปซักรวมกับเสื้อหรือชุดชั้นใน ย่อมทำให้แบคทีเรียกระจายตัวออกไปจับเสื้อผ้าส่วนอื่น ๆ และกลายเป็นกลิ่นไม่ดีไปทั้งหมด

7.ตากที่ร่ม ถ่ายเทอากาศดี

หนึ่งในเรื่องสำคัญที่ผู้ต้องการวิธีซักผ้าให้หอมติดทนนานควรรู้ คือ ไม่ควรตากกลางแจ้งหรือโดนแสงแดดแรงจัด เพราะอาจจะพาให้เนื้อผ้าเสียหายและติดกลิ่นเหม็นแดดมาด้วย ซึ่งกลิ่นนี้ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อใดก็ตาม เอาไม่อยู่แน่นอน โดยจะมาในลักษณะของกลิ่นไหม้แดดที่สวมใส่ไปแล้ว ก็อาจจะพาให้กลายเป็นกลิ่นเหม็นที่ติดตัวไปตลอดทั้งวัน ดังนั้นถ้าต้องการกลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้านุ่มหรือผงซักฟอกสูตรเข้มข้นที่ชัดเจน ควรนำผ้าตากไว้ภายในที่ร่ม แต่จะต้องถ่ายเทอากาศได้ดี มีลมพัดผ่าน หรือมีความร้อนกระจายทั่วถึง และไม่ควรนำตากในจุดอับ เพราะจะก่อให้เกิดกลิ่นอับได้ง่าย ทั้งนี้ควรเลือกใช้เป็นเครื่องอบผ้าก่อน 1 ครั้ง แล้วจึงค่อยนำมาตาก โดยจัดพื้นที่ให้เสื้อผ้าไม่อยู่ชิดกันมากนัก เท่านี้ผ้าของคุณจะมีความหอมติดทนนานแน่นอน

8.เลือกผงซักฟอกเข้มข้น

  • ผงซักฟอกถือเป็นอีกหนึ่งวิธีซักผ้าให้หอมที่มีความสำคัญไม่แพ้กับน้ำยาปรับผ้านุ่ม เพราะต้องยอมรับว่าผงซักฟอกบางยี่ห้ออาจก่อให้เกิดปัญหากลิ่นเหม็นอับได้ไม่น้อย ดังนั้นจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเนื้อผ้าที่เป็นสูตรลดปัญหากลิ่นอับ, สูตรตากในที่ร่มได้, สูตรไม่ง้อแดด หรือสูตรฆ่าเชื้อแบคทีเรียโดยเฉพาะ เพื่อทำให้คุณได้ทั้งความปลอดภัยและกลิ่นหอมสะอาด ที่น้ำยาปรับผ้านุ่มจะเกาะติดเนื้อผ้าได้ทนนานมากขึ้น นอกจากนี้บางแบรนด์ผงซักฟอก ยังมีการผลิตกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่เป็นส่วนผสมหนึ่งของผงซักฟอก จึงทำให้สามารถใช้ซักเสร็จภายในครั้งเดียว จะมีเนื้อผ้าที่กลิ่นหอมติดทน แต่ทั้งนี้ควรใช้คู่กับเครื่องอบผ้าจะทำให้กลิ่นหอมชัดเจนมากขึ้น ซึ่งวิธีซักผ้าให้หอมนี้จะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการประหยัดทั้งงบประมาณและเวลา

ถ้าคุณต้องการวิธีซักผ้าให้หอมติดทนนานเหมือนกับร้านซักรีดมาเอง สามารถใช้ 8 เทคนิค ที่ทำให้เสื้อหอมกว่าเดิม ที่ได้แนะนำไว้ พร้อมการระมัดระวังปัจจัยที่อาจทำให้การดูแลเสื้อผ้าของคุณเสียหายและกลายเป็นการติดกลิ่นที่ไม่ดีไปอีกยาวนาน เพียงเท่านี้คุณก็จะมีเสื้อผ้าหอมและสีสันสดใส พร้อมทำให้คุณออกจากบ้านได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

TFB Workwear ทีเอฟบี เวิร์คแวร์
เสื้อผ้าสำหรับคนทำงาน เสื้อทำงานเสื้อสไตล์คนทำงาน หลากหลายรูปแบบที่ผลิตมาเพื่อใส่ทำงานในทุกๆโอกาส ทั้งชายและหญิงไม่ว่าจะเป็นเสื้อโปโล เสื้อเชิ้ตเสื้อช็อป เสื้อช่าง เสื้อช็อปช่าง เสื้อแจ็คเก็ต กางเกง ในแบบที่คุณถูกใจ
ติดต่อรับบริการและติดตามข่าวสาร พร้อมโปรโมชั่นพิเศษได้ที่
โทร. 02-874-0205-7
มือถือ : 084-099-3799, 095-639-6142
Line : @tfbworkwear
Facebook : https://www.facebook.com/TFBworkwear
Email : info.tfbw@gmail.com


บทความอื่นๆ